เปรียบเทียบคุณสมบัติไม้แบบก่อสร้าง: แบบเหล็ก vs แบบพลาสติก เลือกแบบไหนให้เหมาะกับงานคุณ
ในการก่อสร้างคอนกรีตทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นฐานราก เสา คาน หรือพื้น ผู้ออกแบบและผู้รับเหมาจำเป็นต้องเลือกใช้ ไม้แบบก่อสร้าง ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับลักษณะงาน เพราะวัสดุที่ใช้เป็น แบบหล่อคอนกรีต จะส่งผลโดยตรงต่อผิวงาน ความแข็งแรง ความเร็วในการทำงาน และต้นทุนโดยรวม ซึ่งในปัจจุบันวัสดุยอดนิยมที่นำมาใช้แทนไม้จริงคือ แบบเหล็ก และ แบบพลาสติก
บทความนี้จะพาคุณมา เปรียบเทียบคุณสมบัติของแบบเหล็กกับแบบพลาสติก อย่างละเอียด เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าแบบไหนเหมาะกับงานของคุณ
1. ความแข็งแรงทนทาน
- แบบเหล็ก: ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงและความคงรูป รองรับแรงดันคอนกรีตได้สูง ใช้งานได้หลายร้อยครั้ง เหมาะสำหรับโครงการขนาดใหญ่หรืองานที่ต้องใช้ความแม่นยำสูง
- แบบพลาสติก: ทนทานในระดับหนึ่ง เหมาะกับงานเบา ใช้งานซ้ำได้หลายครั้งแต่ไม่เท่าแบบเหล็ก มีข้อดีที่ไม่ขึ้นสนิมและไม่ดูดซึมความชื้น
2. น้ำหนักและความสะดวกในการใช้งาน
- แบบเหล็ก: น้ำหนักมาก ต้องใช้แรงงานหรือเครื่องจักรช่วยเคลื่อนย้าย อาจใช้เวลาติดตั้งนานขึ้น
- แบบพลาสติก: น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายและติดตั้งง่าย ประหยัดเวลาและแรงงาน เหมาะกับงานเร่งด่วนหรืองานในพื้นที่แคบ
3. ผิวงานคอนกรีตหลังถอดแบบ
- แบบเหล็ก: ให้ผิวคอนกรีตเรียบ สม่ำเสมอ มีคุณภาพสูง เหมาะกับงานโชว์พื้นผิว (Exposed Concrete)
- แบบพลาสติก: ให้ผิวเรียบดีหากใช้อย่างเหมาะสม แต่ต้องระวังการแอ่นตัวหากรับน้ำหนักมากเกินไป
4. ค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่า
- แบบเหล็ก: แม้ราคาสูง แต่ใช้งานได้นาน ทำให้คุ้มค่าระยะยาว เหมาะกับผู้รับเหมาที่มีงานต่อเนื่อง
- แบบพลาสติก: ราคาย่อมเยา เหมาะกับงานขนาดเล็กหรืองานเฉพาะกิจที่ไม่ต้องการลงทุนสูง
5. การดูแลรักษา
- แบบเหล็ก: ต้องป้องกันสนิมหลังใช้งาน ต้องเก็บในที่แห้งและดูแลรักษาอย่างดี
- แบบพลาสติก: ไม่เป็นสนิม ไม่ดูดซับน้ำ ดูแลง่าย แต่อาจแตกหักหากกระแทกแรง
สรุป
การเลือกใช้ ไม้แบบก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็น แบบเหล็ก หรือ แบบพลาสติก ขึ้นอยู่กับงบประมาณ ลักษณะงาน และความถี่ในการใช้งาน หากคุณต้องการความแข็งแรง ใช้งานซ้ำได้หลายครั้ง แบบเหล็กคือทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ถ้าคุณมองหาความสะดวก น้ำหนักเบา และราคาย่อมเยา แบบพลาสติกก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบใด การรู้จักข้อดีข้อเสียของแต่ละชนิดจะช่วยให้คุณบริหารต้นทุนและคุณภาพงานได้ดียิ่งขึ้น
