“รถสไลด์มีกี่แบบ รถยกแบบไหนเหมาะกับรถอะไร”

รถสไลด์มีกี่แบบ? รถยกแบบไหนเหมาะกับรถอะไร? ไขคำตอบก่อนเรียกใช้บริการ

เมื่อเกิดเหตุรถเสียกลางทาง การเรียกใช้บริการรถยกหรือรถสไลด์ถือเป็นทางออกที่ปลอดภัยและสะดวกที่สุด แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่ารถสไลด์ก็มีหลายประเภท และรถยกแต่ละแบบก็เหมาะกับรถที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ให้ถูกต้อง จะช่วยให้รถของคุณปลอดภัย ไม่เสียหายเพิ่มเติม และประหยัดเวลาได้มากขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า “รถสไลด์มีกี่แบบ” และ “รถยกแบบไหนเหมาะกับรถประเภทใด”

รถสไลด์มีกี่แบบ?

รถสไลด์ หรือที่หลายคนเรียกว่ารถยกแบบพื้นเรียบ มีอยู่หลัก ๆ 3 ประเภท ดังนี้

1. รถสไลด์ธรรมดา (Standard Slide Car)

เป็นรถกระบะหรือรถบรรทุกดัดแปลงให้มีพื้นกระบะเรียบ สามารถเลื่อนลงมาให้รถเสียไต่ขึ้นไปได้ นิยมใช้ทั่วไป เหมาะสำหรับรถเก๋งทั่วไป รถกระบะ หรือรถที่ขับเคลื่อนได้เล็กน้อย

2. รถสไลด์ระบบไฟฟ้า/ไฮดรอลิก (Hydraulic Slide Car)

มีระบบควบคุมไฟฟ้าหรือไฮดรอลิกในการยกรถขึ้น-ลงอย่างแม่นยำ เหมาะสำหรับรถหรู รถโหลดเตี้ย หรือรถสปอร์ตที่ต้องระวังช่วงล่างไม่ให้สัมผัสพื้น

3. รถสไลด์แบบ 2 ชั้น (Multi-level Slide Car)

ใช้สำหรับขนย้ายรถหลายคันพร้อมกัน เช่น รถใหม่จากโชว์รูมหรือขนส่งทางไกล เหมาะกับบริษัทขายรถหรือขนส่งเชิงพาณิชย์

รถยกมีกี่แบบ และแต่ละแบบเหมาะกับรถอะไร?

รถยกทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก และเหมาะกับสถานการณ์ที่ต่างกัน:

1. รถยกแบบล้อสัมผัส (Wheel-lift Tow Truck)

ใช้แขนเหล็กยกรถเฉพาะด้านหน้า/หลัง แล้วให้ล้ออีกด้านสัมผัสพื้น ลากไปตามถนน เหมาะสำหรับ

รถเก๋งทั่วไป
รถที่เสียไม่มาก ยังบังคับล้อได้
ระยะขนย้ายสั้น (ในเมือง)

ไม่แนะนำ สำหรับรถเกียร์ออโต้ รถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือรถโหลดเตี้ย เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหาย

2. รถสไลด์พื้นเรียบ (Flatbed Tow Truck)

เหมาะกับการขนย้าย รถทุกประเภท โดยเฉพาะ

รถยนต์หรู รถแต่ง รถสปอร์ต
รถยนต์ช่วงล่างต่ำ
รถที่เสียหายมากหรือไม่สามารถขับเคลื่อนได้เลย
ขนส่งข้ามจังหวัดหรือทางไกล

สรุป: เลือกแบบไหนดี?

หากคุณไม่แน่ใจว่าควรเลือกใช้ รถยกแบบไหน หรือ รถสไลด์ประเภทใด ให้แจ้งข้อมูลรถและอาการเบื้องต้นให้ผู้ให้บริการทราบ เช่น รุ่นรถ ระบบขับเคลื่อน ความสูงจากพื้น หรือระยะทางที่ต้องการเคลื่อนย้าย พวกเขาจะสามารถเลือกวิธีที่ปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุดให้คุณได้

การเลือกใช้รถยกหรือรถสไลด์ที่ถูกประเภท ไม่เพียงแค่ช่วยให้รถของคุณปลอดภัย แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายและป้องกันปัญหาในภายหลังอีกด้วย